2.อินเทอร์เน็ต
2.1 ความหมายและพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter Connection Network หมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน ลักษณะของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นเสมือนใยแมงมุม ที่ครอบคลุมทั่วโลก ในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น สามารถสื่อสารกันได้หลายเส้นทาง
โดยไม่กำหนดตายตัว และไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางโดยตรง อาจจะผ่านจุดอื่น ๆ หรือ เลือกไปเส้นทางอื่นได้หลาย ๆ เส้นทาง ดังรูป
อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ถูกพัฒนามาจากโครงการวิจัยทางการทหารของกระทรวงกลาโหมของประเทศ สหรัฐอเมริกา คือAdvanced Research Projects Agency (ARPA) ในปี 1969 โครงการนี้เป็นการวิจัยเครือข่ายเพื่อ
การสื่อสารของการทหารในกองทัพอเมริกา หรืออาจเรียกสั้นๆ ได้ว่า ARPA Net ในปี ค.ศ. 1970 ARPA Net ได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นโดยการเชื่อมโยงเครือข่ายร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา คือ มหาวิทยาลัยยูทาห์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาบารา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแองเจลิส และสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการใช้ อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
การบริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมายขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการแต่ละบุคคลจะเลือกนำไปใช้ แต่ละบุคคลเมื่อเดินมาท่องโลกบนอินเทอร์เน็ตจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน และจะเลือกบริการให้เหมาะสมกับงานหรือตามจุดประสงค์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตควรจะทำความเข้าใจถึงบริการดังต่อไปนี้
การเชื่อมโยงเอกสารในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ทั่วโลกคล้ายกับใยแมงมุม
ลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล คือ การเชื่อมโยงเอกสาร หรือ ที่เรียกว่า Link จากเอกสารภายในหน้าเดียวกัน เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นๆหรือไปยังเว็บไซต์อื่นๆได้โดยการเชื่อมโยงในลักษณะของข้อความ หรือไฮเปอร์เท็กซ์ และสื่อประสมต่างๆ
โดเมนเนม หรือที่เราเรียกว่า ที่อยู่ของเว็บไซต์ เป็นชื่อที่ถูกการเรียกแทนหมายเลข IP Address เนื่องจากเกิดความยุ่งยากในการจำหมายเลข เวลาที่ต้องการท่องเที่ยวในอินเทอรืเน็ตจึงได้นำตัวอักษรมาใช้แทน มักเป็นชื่อที่มีสื่อความหมายเป็นหน่วยงาน หรือเจ้าของเว็บไซต์นั้น ชื่อของโดเมนเนมแต่ละชื่อจะอยู่หนึ่งเดียวเท่านั้น
3. ไปรษณีอิเล็กทรอนิกส์
บริการหนึ่งที่ได้รับการนิยมมาก เพราะเป็นวิธีติดต่อที่เป็น
มาตรฐาน สามารถจะรับและส่งเอกสารที่เป็นเอกสารที่เป็นเอกสาร
ข้อความและเป็นเอกสารเเบบมัลติมีเดียมีทั้งภาพและเสียงโดยสามารถสื่อสารกันได้ไม่ว่าผู้รับหรอผู้ส่งจะอยู่ไกลหรือใกล้เพียงใดก็ตาม บุรุษไปรษณีย์จะทำหน้าที่ส่งจดหมายให้กับเรา คือ เว็บไซต์ที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิก เพื่อขอใช้บริการ เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยเเล้ว จะได้ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ที่เรียกว่า E-mail Address
5.การบริการใช้เครื่องข้ามเครือข่าย Telnet
การบริการใช้เครือข่ายด้วย Telenet เป็นบริการที่ช้วยให้เราสามารถล็อกอินเข้าไปใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ไกลได้ เสมือนกับเราใช้งานเราหน้าจอของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ และสามารถสั่งให้เครื่องปฏิบัติงานตามคำสั่ง หรือโปรแกรมจากเครื่องของเราได้ การแสดงผลลัพท์ของโปรแกรมนั้น ส่วนใหญ่จะแสดงรูปของข้อความ จึงจะได้ล็อกอิน และรหัสผ่าน เพื่อเปิดประตูไปใช้บริการระบบนี้ บริการTelnet สามารถค้นหาข้อมูล และการโอนย้ายข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไป
6.การบริการค้นหาข้อมูลข้ามเครือข่าย
การค้นหาข้อมูลเครือข่ายบนอินเทอร์เน็ต เป็นอีกบริการหนึ่งที่นิยมมาก เพราะอำนวยการให้แก่ผู้ใช้บริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลอยู่ป็นจำนวนมาก ดั้งนั้นการค้นหาข้อมูลจำเป็นต้องมีโปรแกรมเพื่อให้ทราบแหล่งที่อยู่ข้อมูล
7.การบริการสนทนาออนไลน์(Chat)
การบริการสนทนาออนไลน์ หรือที่เรียกว่า แชท เป็นการสนทนาระหว่างบุคคลที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ต มีการโต้ตอบกันทีนที่ โดยไม่ต้องการรอคำตอบเหมือนการใช้อีเมล์พิมพ์ข้อความ หรือใช้เสียงในการสนทนาได้ การสนทนาสามารถกระทำได้ในกลุ่มสนทนา เป็นการเเลกเปลี่ยความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ปัจจุบันนี้ได้นำวิธีการสนทนาออนไลน์มาประยุกต์ใช้ประชุมทางไกลโดยใช้อุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งภาพ ไมโครโฟน เป็นต้น
8.กระดานข่าว(Bulletin Board System:BBS)
กระดานข่าว เป็นบริกาในรูปแบบของกล่มสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆในกล่มของผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกัน โดยจะต้งเป็น " กลุ่มข่าว (News Group)" เช่น กลุ่มผู้ที่สนใจด้านคอมพิวเตอร์ ด้านดนตรี ด้านศิลปะ หรือแม้กระทั่งแบ่งต่างกลุ่มอาชีพและกล่มอายุก็ได้ เช่น กล่มนักเรียนนักศึกษา กลุ่มผู้หญิงทำงาน เป็นต้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจที่จะใช้บริการเลือกกลุ่มเข้าไปสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เป็นเวทีให้แสดงความคิดเห็นหรือเมื่อต้องการสอบถามในเรื่องที่สงสัยและต้องการคำตอบ ผู้ที่อยู่ภายในกลุ่มให้คำแนะนำ หรือตอบข้อสงสัยได้ ทำให้เราได้รับประโยชน์และได้ความรู้ใหม่ๆ
9.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(E-commerce)
เป็นระบบการค้าที่มีการซื้อขาย ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โลกยุคดิจิทัล ระบบการค้ามิได้ยึดรูปแบบเดิมๆ คือต้องหาทำเล เพื่อตั้งร้านค้า หรือหาพนักงานในการดำเนินการค้าแต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของการสื่อสาร จะทำได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดกว่ารูปแบบเดิม สามารถดำเนินการค้าได้ไม่เฉพาะ แต่ภายในประเทศ หรือในเขตที่ตั้งร้านเท่านั้น แต่สามารถค้าขายได้กับทุกคน นอกจากนั้นเป็นวิธีทำการค้าตลอดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแต่อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็สามารถซื้อขายสินค้าได้ ดั้งนั้นหน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเปรียบเสมือนประตูที่เปิดสู่โลกกว้าง
คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินตอร์เน็ต
จริยธรรม หมายถึง หลักศีลธรรมจรรยาที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ซึ่งเมื่อพิจารณาจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์แล้ว สามารถสรุปได้ 4 ประเด็น ได้แก่
1. ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy)
ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ โดยทั่วไปหมายถึงสิทธิที่จะอยู่ตามลำพังและเป็นสิทธิที่เจ้าของสามารถที่จะควบคุมข้อมูลของตนเองในการเปิดเผยให้กับผู้อื่น ปัจจุบันมีประเด็นเกี่ยวกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่เป็นข้อหน้าสังเกตดังนี้
- การเข้าไปดูข้อความในจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และการบันทึกข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการบันทึก-แลกเปลี่ยนข้อมูลที่บุคคลเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์และกลุ่มข่าวสาร
- การใช้เทคโนโลยีในกาติดตามความเคลื่อนไหวหรือพฤติกรรมของบุคคล เช่น บริษัทใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจจับหรือเฝ้าดูการปฏิบัติงาน/การใช้บริการของพนักงาน
- การใช้ข้อมูลของลูกค้าจากแหล่งต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ในการขยายตลาด
- การรวบรวมหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล์ หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ เพื่อนำไปสร้างฐานข้อมูลประวัติลูกค้าใหม่ขึ้นมาแล้วนำไปขายให้กับบริษัทอื่น
2. ความถูกต้อง (Information Accuracy)
ในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการรวบรวม จัดเก็บ และเรียกใช้ข้อมูลนั้น คุณลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งคือความน่าเชื่อถือได้ของข้อมูล ทั้งนี้ ข้อมูลจะมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับความถูกต้องในการบันทึกข้อมูลด้วย ประเด็นด้านจริยธรรมที่เกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล โดยทั่วไปจะพิจารณาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลที่จัดเก็บและเผยแพร่
3. ความเป็นเจ้าของ (Information Property)
ในสังคมของเทคโนโลยีสารสนเทศมักจะกล่าวถึงการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ เมื่อท่านซื้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีการจดลิขสิทธิ์ นั่นหมายความว่าท่านจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการใช้ซอฟต์แวร์นั้น ซึ่งลิขสิทธิ์ในการใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละสินค้าและบริษัท บางโปรแกรมอนุญาตให้ติดตั้งได้เพียงเครื่องเดียว ในขณะที่บางโปรแกรมอนุญาตให้ใช้ได้หลายเครื่อง ตราบใดที่ท่านยังเป็นบุคคลที่มีสิทธิในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมา การคัดลอกโปรแกรมให้กับบุคคลอื่น เป็นการกระทำที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนว่าท่านมีสิทธิในโปรแกรมนั้นในระดับใด
4. การเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility)
คือการป้องกันการเข้าไปดำเนินการกับข้อมูลของผู้ใช้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเป็นการรักษาความลับของข้อมูล ตัวอย่างสิทธิในการใช้งานระบบเช่น การบันทึก การแก้ไข/ปรับปรุง และการลบ เป็นต้น ดังนั้น ในการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์จึงได้มีการออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ และการเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมนั้น ถือว่าเป็นการผิดจริยธรรมเช่นเดียวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัว ในการใช้งานคอมพิวเตอร์และเครือข่ายร่วมกัน หากผู้ใช้ร่วมใจกันปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของแต่ละหน่วยงานอย่างเคร่งครัดแล้ว การผิดจริยธรรมตามประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นก็คงจะไม่เกิดขึ้น
จรรยาบรรณการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
1. ให้ระมัดระวังการละเมิดหรือสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น
2. ให้แหล่งที่มาของข้อความ ควรอ้างอิงแหล่งข่าวได้
3. ไม่กระทำการรบกวนผู้อื่นด้วยการโฆษณาเกินความจำเป็น
4. ดูแลและแก้ไขหากตกเป็นเหยื่อจากโปรแกรมอันไม่พึงประสงค์ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นเป็นเหยื่อ
1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้ายหรือละเมิดผู้อื่น
2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3. ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6. ต้องมีจรรยาบรรณการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์
7. ให้ระมัดระวังในการละเมิดหรือสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น
8. ให้แหล่งที่มาของข้อความ ควรอ้างอิงแหล่งข่าวได้
9. ไม่กระทำการรบกวนผู้อื่นด้วยการโฆษณาเกินความจำเป็น
10. ดูแลและแก้ไขหากตกเป็นเหยื่อจากโปรแกรมอันไม่พึงประสงค์ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นเป็นเหยื่อ
http://learn.wattano.ac.th
http://www.learners.in.th/blogs/posts/445979
http://www.nattapon.com
หนังสือ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารม.5
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น